9 ปัญหาเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญและวิธีแก้ครบในบทความเดียว

kksiam
May 3, 2024
2 min read

Updated: May 8, 2024

สรุปทุกปัญหาเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญและวิธีแก้ในบทความเดียว

การใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญหรือเครื่องซักผ้าทั่วไปนั้นสามารถเกิดปัญหาการทำงานต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นหยอดเหรียญแล้วไม่ทำงาน, ทำงานไม่จบ, ทำงานเสียงดัง หรือมีน้ำรั่วจากใต้เครื่องเป็นต้น ซึ่งบางทีก็มี error code แสดงให้ดู เช่น UE, PE, IE, OE, LE และอื่นๆ อีก ทางเคเค สยามเราได้นำรายการปัญหาต่างๆ ที่หยอดเหรียญแล้วเครื่องซักผ้าไม่ทำงานและวิธีแก้ไขมารวบรวมไว้จากประสบการณ์ทำงานกับอุปกรณ์หยอดเหรียญนับ 10 ปี เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ช่างและท่านเจ้าของเครื่องเพื่อที่จะได้เข้าใจปัญหาและคุยกับช่างรู้เรื่องครับ เรามาเริ่มกันเลยครับ

1. Error UE, เครื่องซักผ้าขึ้น UE หรือ Unbalance Error คือ ปัญหาเครื่องซักผ้าที่เกิดจากถังซักไม่สมดุล มาจาก 3 สาเหตุหลักๆ ดังนี้

1) เครื่องซักผ้าวางบนพื้นที่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่ได้ระดับทำให้เวลามีการปั่นหมาด ถังซักสเตนเลสด้านในจึงหมุนอย่างไม่สมดุลไปกระแทกกับถังอุ้มน้ำพลาสติก (ที่ใช้เก็บน้ำไว้ในการซัก) ทำให้เกิด error UE นี้ วิธีการแก้ไข คือ ให้เราหมุนขาตั้งเครื่องขึ้นลง หรือนำเศษกระเบื้องมาวางหนุนด้านที่ต่ำไว้

ถังซักเอียง

2) ใส่ผ้าเยอะเกินไป จำนวนผ้าที่เยอะเกินความสามารถของเครื่องจะทำให้ถังซักหมุนเหวี่ยงแรงขึ้นแล้วไปกระแทกกับถังอุ้มน้ำได้ง่ายขึ้น วิธีการแก้ไข คือ นำผ้าบางส่วนออกแล้วกดปุ่ม start/pause ใหม่เพื่อเคลียร์ error UE แล้วเริ่มซักใหม่

ใส่ผ้าเยอะเกินไป

3) ผ้ากองไปที่ด้านใดด้านหนึ่ง การที่ผ้าไปกองด้านใดด้านหนึ่งนั้นจะทำให้น้ำหนักถังซักเทไปด้านนึงมีผลให้ถังซักไม่สมดุล เวลาปั่นหมาดจึงส่ายออกจากจุดศูนย์กลางแล้วถังซักก็ไปกระแทกกับถังอุ้มน้ำได้ วิธีการแก้ไข คือ หยุดเครื่องแล้วจัดผ้าให้สมดุลแล้วจึงให้เครื่องทำงานต่อ

2.Error PE, เครื่องซักผ้าขึ้น PE หรือ Pressure error ในเครื่องซักผ้าแต่ละเครื่องจะมีอุปกรณ์ตัวนึงที่เรียกว่าตัววัดแรงดันหรือตัววัดระดับน้ำ ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้จะส่งค่าระดับน้ำจากการแปลงแรงดันน้ำที่จะแต่ละระดับน้ำจะให้ค่าต่างกัน error PE จะเกิดเมื่อตัววัดแรงดันเสีย ไม่สามารถส่งค่าไปที่แผงวงจรได้ โดยสาเหตุที่ตัววัดแรงดันนี้เสียก็มือ 3 แบบคือ

1) ความชื้น หากมีความชื้น เช่น มีน้ำหยดจากเพดานลงมาที่เครื่องซักผ้าเป็นประจำ หรือเครื่องวางติดกับห้องน้ำ หรือกรณีที่อยู่นอกชายคาแล้วโดนฝนสาดก็มักจะทำให้อุปกรณ์วัดแรงดันเสียได้

2) ฝุ่น ในบริเวณที่มีฝุ่นเยอะก็จะทำให้หน้าสัมผัสสกปรกและมีผลให้ตัววัดแรงดันที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้มีความสามารถในการกันฝุ่นเสียได้

3) แรงสั่นสะเทือน ไม่ว่าจะมาจากการใส่ผ้าจำนวนมาก หรือ พื้นไม่ได้ระดับ (สาเหตุของ error UE) ก็มักจะทำให้ตัววัดแรงดันเสียได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

3. Error IE, เครื่องซักผ้าขึ้น IEหรือ Insufficient water Error คือความผิดปกติที่เกิดจากแผงวงจรรับรู้ได้ว่าน้ำเข้ามาในเครื่องน้อยเกินไป โดยเครื่องจะมีการวัดค่าระดับน้ำมาเทียบกับเวลา ถ้าผ่านไปนานแล้วน้ำยังไม่ได้ระดับที่เหมาะสม error IE ก็จะเกิดขึ้น ตั้งแต่การเริ่มใช้งานเลย ซึ่งมี 2 กลไกที่ทำให้เกิด error IE นี้ได้ คือ ไม่มีน้ำเข้ามาหรือเข้ามาช้ามาก กับ มีน้ำเข้ามาปกติ และเครื่องไม่สามารถกักน้ำได้อยู่

1) ไม่มีน้ำเข้ามาในเครื่องหรือน้ำเข้ามาช้า สิ่งแรกที่ควรต้องไปดูคือตัวกรองขาเข้าวาล์วน้ำเข้าตันหรือไม่ จึงทำให้น้ำเข้ามาช้า เราแก้ไขได้โดยการนำแปรงมาขัดตัวกรองนี้ก็แก้ปัญหานี้ได้ครับ ส่วนถัดมาที่ต้องไปดูคือ วาล์วน้ำขาเข้าเสียหรือไม่ ถ้าวาล์วเสีย ก็ทำการเปลี่ยนวาล์วก็หายครับ

ตัวกรองวาล์วน้ำเข้าเครื่องซักผ้า

วาล์วน้ำเข้าเครื่องซักผ้า

2) มีน้ำเข้าปกติ แต่เครื่องไม่สามารถกักน้ำได้ สิ่งเดียวที่เกิดขึ้น คือ วาล์วน้ำทิ้งไม่สามารถกักน้ำได้เนื่องจากวาล์วน้ำทิ้งมีเศษวัสดุแข็งไปขวางไม่ให้ปิด เช่น กิ๊บ, โครงเสื้อชั้นในสตรี หรือ เศษเหรียญเป็นต้น วิธีการแก้ไข คือ เปิดวาล์วมาเคลียร์เศษวัสดุ วาล์วก็จะกลับมากักน้ำอยู่เหมือนเดิม

วาล์วระบายน้ำเครื่องซักผ้า

เศษเหรียญและวัสดุต่างๆ ที่ติดในวาล์วระบายน้ำเครื่องซักผ้า

แต่อย่างไรก็ตาม มีอีกส่วนหนึ่งที่เราอาจมองข้ามไป คือ error IE ที่เกิดในภายหลัง คือ มีการซักไปสักพักนึงแล้ว ซึ่งไม่สามารถที่จะเป็นจากทั้ง 2 กรณีก่อนหน้านี้ได้ที่ error IE จะเกิดขึ้นเมื่อเริ่มใช้งาน สาเหตุของปัญหาเกิดจากตัวชักวาล์วที่เปิดปิดไม่เต็มที่ทำให้น้ำค่อยๆ ซึมออกไป พอใช้งานไปสักพักน้ำก็ลดระดับลงไปทำให้เกิด error IE ขึ้นมาในภายหลัง เราจึงควรสอบถามรายละเอียดของการเกิด error ชนิดนี้อย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างถูกต้อง

ตัวชักวาล์วน้ำทิ้งเครื่องซักผ้า

4. Error OE, เครื่องซักผ้าขึ้น OE หรือ Overflow Error คือ เครื่องมองว่ามีน้ำล้นหรือน้ำไม่สามารถระบายออกจากเครื่องได้ มี 2 แบบ คือ เกิด error OE แล้วน้ำเต็มถังซัก และ เกิด error OE แล้วไม่มีน้ำในถังเลย

1) error OE และมีน้ำในถัง เป็นเหตุการณ์ที่ตรงกับสถานการณ์นี้ คือ น้ำไม่สามารถระบายออกจากเครื่องได้ โดยแผงวงจรจะทำการวัดระดับน้ำเทียบกับเวลา ถ้าระดับน้ำไม่ลดลงก็จะเกิด error OE ขึ้นมา สาเหตุหลักก็คือมีเศษวัสดุนิ่มๆ เช่น เศษผ้า, ถุงเท้า, ใยในผ้านวมหรือคราบเมือกจากการซักไปติดที่วาล์วน้ำทิ้งกันไม่ให้น้ำไหลออกจากวาล์วไปได้ วิธีการแก้ไข คือ ถอดวาล์วน้ำทิ้งและนำเศษวัสดุทั้งหมดออกไป

2) error OE แต่ไม่มีน้ำในถัง คือ ไม่มีอะไรไปขวางวาล์วน้ำทิ้ง น้ำสามารถระบายออกจากเครื่องไปได้หมด แต่แผงวงจรไม่ได้รับสัญญาณว่าระดับน้ำลดลงเหมาะสมกับเวลา เนื่องมาจากตัววัดแรงดันเสีย จึงเกิด error OE ขึ้นมา วิธีการแก้ไข คือ ทำการเปลี่ยนตัววัดแรงดัน เครื่องซักผ้าก็จะกลับมาทำงานได้ปกติ

5. Error LE, เครื่องซักผ้าขึ้น LE หรือ LG ขึ้น LE เป็น error ที่เกิดจากที่แผงวงจรพบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นที่ตัวขับในการหมุนถัง นั่นก็คือมอเตอร์หรือเกียร์นั่นเอง แผงวงจรได้ส่งกระแสไฟไปที่มอเตอร์มากเกิน แต่ไม่มีการหมุน ทำให้เกิด error LE ขึ้นมา มี 2 สาเหตุ ด้วยกัน

1) มีเศษผ้าติดอยู่ที่เพลาหมุนถังซัก เศษผ้านี้หลุดออกมาจากถังซักเข้ามาที่ถังอุ้มน้ำเนื่องมาจากการใส่ผ้าที่เยอะมากเกินไป เมื่อเข้ามาพันแกนเพลา ก็จะทำให้มอเตอร์ต้องรับกระแสไฟมากกว่าปกติจึงจะหมุนได้ ซึ่งถ้ากระแสไฟมากถึงจุดนึงก็จะเกิด error LE ขึ้นมานั่นเอง วิธีการแก้ไข คือ ถอดถังออกมาดู หากมีเศษผ้าพันแกนเพลาอยู่ให้เอาออกมา

ผ้าพันแกนเพลาเครื่องซักผ้า

นอกจากนี้ หากเกิด error LE เป็นระยะเวลานึง และเป็นๆ หายๆ แล้วไม่ได้มีการนำผ้าที่พันแกนเพลาออกมา ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือมอเตอร์หรือเกียร์เสียนั่นเอง ซึ่งจะเป็นอีกสาเหตุของ error LE

2) มอเตอร์หรือเกียร์เสีย หากเกิด error LE ขึ้นเป็นประจำแล้วไม่ได้แก้ไข หรือ ผ้าที่หลุดไปพันเพลารั้งการหมุนอย่างรุนแรง มอเตอร์หรือเกียร์อาจจะเสียได้เลย วิธีแก้ไข คือ ทำการเปลี่ยนมอเตอร์หรือเกียร์ที่เสีย

มอเตอร์และเกียร์ของเครื่องซักผ้า

6. ปัญหาหยอดเหรียญแล้วเครื่องไม่ทำงาน

1) ช่องรับเหรียญเสียหรือมีอะไรติดในช่องรับเหรียญ อาการเมื่อหยอดเหรียญเข้าไปจะเกิด 2 แบบ คือ รับแล้วแต่ไม่ส่งสัญญาณไปที่แผงวงจรกล่องหยอดเหรียญให้นับจำนวนเหรียญที่หยอด อาการคือ รับเหรียญไปครบแล้วจะไม่ทำงาน และอีกแบบ คือ รับเหรียญแล้วออกมาเลย กรณีนี้อาจเกิดจากช่องรับเหรียญเสียหรือมีอะไรติดข้างใน หากมีเศษวัสดุติดภายในให้นำออกมา เครื่องจะใช้งานได้เหมือนเดิม แต่มีบางกรณีที่เศษวัสดุที่ติดนั้นทำให้ช่องรับเหรียญเสียได้เหมือนกัน หากตรวจสอบแล้วพบว่าช่องรับเหรียญเสีย ก็แก้ไขโดยการเปลี่ยนช่องรับเหรียญ

เศษเหรียญติดช่องรับเหรียญ

นอกจากช่องรับเหรียญจะเสียแล้ว อาจจะมีกรณีที่หน้ากากช่องรับเหรียญแตก ทำให้ตัวรับเหรียญไม่มีที่ยึดเกาะ พอหยอดเหรียญเข้าไป เหรียญจะไม่ได้ไปผ่านเซนเซอร์รับเหรียญ ทำให้หยอดเหรียญแล้วไม่ทำงาน

หน้ากากช่องหยอดเหรียญแตก

2) แผงวงจรกล่องหยอดเหรียญเสีย อาจเกิดจากการซ็อตหรือตัวลีเลย์เสียก็ได้ อาการคือ เมื่อหยอดเหรียญเข้าไป กล่องหยอดเหรียญจะขึ้นจำนวนเหรียญตามปกติ แต่เมื่อหยอดครบแล้วจะไม่สั่งให้เครื่องซักผ้าทำงาน และเมื่อเราถอดแผงวงจรเครื่องซักผ้ามาทดสอบกดปุ่มต่างๆ ก็ทำงานได้ปกติ แสดงว่าแผงวงจรกล่องหยอดเหรียญเสีย จึงต้องทำการเปลี่ยน

แผงวงจรกล่องหยอดเหรียญไหม้

7. ปัญหาน้ำนองใต้เครื่อง แบ่งเป็น 5 สาเหตุ ดังนี้

1) สายน้ำทิ้งถูกบาดหรือกรอบแตก สายน้ำทิ้งของเครื่องซักผ้ามีทั้งส่วนที่เป็นยางและพลาสติก เมื่อใช้ไปนานๆ แล้วก็จะเกิดการฉีกขาดและแตกได้ เมื่อใช้งานเครื่องซักผ้าไปสักพักในช่วงที่มีการระบายน้ำ เกิดมีน้ำนองช่วงนั้น ให้ทำการสังเกตใต้เครื่องว่าน้ำหยดจากสายน้ำทิ้งหรือไม่ ถ้ามีให้เปลี่ยนสายน้ำทิ้งก็จะหายขาด

สายน้ำทิ้งเครื่องซักผ้า

2) วาล์วน้ำเข้ารั่ว เมื่อวาล์วน้ำเข้ารั่วจะไม่สามารถกักน้ำที่เข้ามาได้ ทำให้มีน้ำไหลออกมาในช่วงที่เครื่องหมุนซักอยู่ ซึ่งในจังหวะนั้นต้องไม่มีน้ำไหลลงมาแล้ว เราจะสังเกตความผิดปกติแบบนี้ได้อีกจากการที่น้ำเข้ามาแล้วล้นถังแล้วออกไปนองพื้น วิธีการแก้ไขก็คือเปลี่ยนวาล์วน้ำเข้า ในบางกรณีช่างจะทำการเปลี่ยนตัวซีลในวาล์ว แต่ทางเราไม่แนะนำวิธีนี้ (กับทั้งช่างและเจ้าของเครื่อง) เพราะอาการนี้มักจะเกิดกับเครื่องที่เก่าและวาล์วถูกใช้งานมานานแล้ว เมื่อเปลี่ยนซีลแล้วในไม่ช้าส่วนอื่นของวาล์วก็จะเสียตามอีก ทำให้ต้องเสียค่าแรงช่าง 2 รอบ

วาล์วน้ำเข้าเครื่องซักผ้า

3) ตัววัดแรงดันเสีย เมื่อตัววัดแรงดันเสีย เครื่องจะไม่รู้ว่าระดับน้ำเป็นเท่าไรแล้ว ก็จะมีการเติมน้ำไปเรื่อยๆ จนล้นถัง ซึ่งเหตุการณ์นี้ต่างจากอาการวาล์วน้ำเข้ารั่วเพราะเมื่อตัววัดแรงดันเสียนั้นจะเติมน้ำไปจนล้นเลย ยังไม่ถึงช่วงการซักที่ถังหมุน และปริมาณน้ำที่ออกมาจะเยอะมากกว่าอาการวาล์วน้ำเข้ารั่ว เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าตัววัดแรงดันเสีย ก็ให้เปลี่ยนตัววัดแรงดันก็จะหาย

นอกจากนี้ อาการนี้ยังอาจเกิดต่อเนื่องจากการซ่อม PE โดยการเปลี่ยนตัววัดแรงดัน เนื่องจากตัววัดแรงดันที่เปลี่ยนไปเป็นคนละรุ่นหรือการตั้งค่าตัววัดโดยการหมุนเกลียวที่หัวทำได้ไม่ดีพอทำให้ส่งค่าระดับน้ำไม่ถูกต้อง วิธีการแก้ไข ก็สามารถทำได้โดยการทดลองลดการตั้งค่าระดับน้ำลงจากระดับเต็มถังเหลือครึ่งเดียว ถ้าน้ำได้ระดับดีแล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยนตัววัดแรงดันที่เพิ่งเปลี่ยนไปก็ได้

ตัววัดแรงดันเครื่องซักผ้า

4) ถังอุ้มน้ำแตก หากเกิดเหตุการณ์นี้ น้ำจะทะลักออกมาจำนวนมาก โดยปกติ ถังอุ้มน้ำนั้นจะเป็นพลาสติก หากเกิดการกระแทกจะแตกได้ง่าย โดยสาเหตุแรกมาจากการใส่ผ้าเยอะเกินไป หรือการซักรองเท้า,หมอน และตุ๊กตา ทำให้ถังซักสเตนเลสเหวี่ยงตัวแรงไปกระแทกกับถังอุ้มน้ำได้ หรือ มีเศษวัสดุจากกระเป๋าของผู้ซักผ้า เช่น เหรียญหรือตะปูหลุดไประหว่างถังซักและถังอุ้มน้ำ เมื่อเกิดการเหวี่ยงของถังก็จะกระแทกเศษวัสดุนั้นไปกระแทกถังอุ้มน้ำอีกทีทำให้ถังอุ้มน้ำแตกได้ จึงควรป้องกันไว้เพราะถังอุ้มน้ำมีราคาสูงและรออะไหล่นาน

เหรียญเข้าไปกระแทกถังอุ้มน้ำเครื่องซักผ้าแตก

5) สปริงในซีลยื่นมาขัดปากซีล เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ไม่บ่อย เกิดจากการประกอบของโรงงานผลิตที่ใส่ซีลแล้วสปริงในตัวซีลเผยอออกมาแล้วไปขวางปากซีล โดยน้ำจะค่อยๆ รั่วออกมานิดๆ วันนึงไม่เยอะมาก แต่ก่อความรำคาญแก่เจ้าของพื้นที่ วิธีแก้คือทำการงัดสปริงกลับไปในซีลตามปกติ

สปริงยื่นออกมาจากปากซีล

8. ปัญหาใบซักหลุด ใบซักยึดติดอยู่กับแกนเพลาขับด้วยน็อตล็อค หากน็อตล็อคขาด หรือปลายเพลาแตก ใบซักก็จะหลุดออกมา นอกจากนี้การที่บุชสึกหรอก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบซักหลุดออกมาได้เช่นกัน

จานซักหลุด

9. ปัญหาหนูเข้าไปทำรังในเครื่องซักผ้า

ปัญหานี้สามารถก่อให้เกิดความเสียหายได้ตั้งแต่น้อยๆ ไปจนถึงต้องทิ้งเครื่องซักผ้าเลยทีเดียว เพราะการที่หนูเข้าไปทำรัง เค้าจะนำเศษสิ่งของเข้าไปในรังด้วยซึ่งอาจจะทำให้แผงวงจรไหม้ได้ อีกทั้งยังมีการกัดสายไฟต่างๆ ขาดอีกด้วย โดยสายไฟที่ขายก็จะทำให้มีการไหม้ของแผงวงจรและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งถ้ากัดจนสายกุดทุกเส้นก็ต้องทิ้งเครื่องซักผ้านั้นๆ ไปเลย