ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ และจริงใจกับลูกค้า
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โทร 095-546-4948 หรือไลน์ไอดี kksiam
ประวัติความเป็นว่าของบริษัท
บริษัท เคเค สยาม จำกัดก่อตั้งในปี 2557 โดยเริ่มธุรกิจจาการนำเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญและตู้น้ำหยอดเหรียญไปติดตั้งให้บริการตามอาคารชุดและอพาร์ทเมนท์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยในขณะนั้นทางเรายังไม่ได้ผลิตตู้น้ำหยอดเหรียญและติดกล่องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเอง ต้องซื้อและใช้บริการหลังการขายจากร้านต่างๆ ทำให้ในการทำงานพบอุปสรรคมากมายจากการไม่สามารถซ่อมและดูแลอุปกรณ์หยอดเหรียญต่างๆ ได้เอง หลายครั้งที่ไม่สามารถให้บริการได้เป็นระยะเวลานานเพราะต้องรอช่างซ่อมจากร้านที่ขายให้เรา และพบว่าบริการจากร้านต่างๆ ก็ไม่ค่อยดี และมีหลายรายทิ้งลูกค้า ไม่มาบริการค่อนข้างบ่อย เราจึงเข้าใจลูกค้าที่รอรับบริการจากเราอย่างมากและพยายามที่จะเข้าไปดูแลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เราเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบและจริงใจกับลูกค้าตั้งแต่การผลิต, จำหน่าย, ติดตั้ง รวมไปถึงการดูแลบริการหลังการขาย ดังนั้นในปี 2558 ทางบริษัทจึงเริ่มเรียนรู้วิธีการซ่อมบำรุง และดูแลอุปกรณ์หยอดเหรียญต่างๆ และก่อตั้งหน่วยงานซ่อมบำรุงในปี 2559 และเริ่มผลิตตู้น้ำหยอดเหรียญและติดกล่องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเองในปี 2560
จากประสบการณ์ทั้งงานให้บริการตู้น้ำหยอดเหรียญและเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญตามอาคารชุด และการซ่อมบำรุงอุปกรณ์หยอดเหรียญต่างๆ ทำให้เราสามารถต่อยอดได้ในธุรกิจร้านสะดวกซัก จึงได้ก่อตั้งแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักเคเค วอชแอนด์ดรายขึ้นมาเพื่อจะเพิ่มเครื่องมือทำเงินให้กับบริษัทเอง และสามารถส่งต่อความมั่งคั่งคั่งให้กับลูกค้าทุกท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนจะมาทำธุรกิจหยอดเหรียญ
ทำอะไรมาก่อน?
พอเรียนจบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลก็ได้เข้าทำงานในบริษัทในเครือซิเมนต์ไทย (SCG) กลุ่มปิโตรเคมี ชื่อ Thai PET Resin Co.,Ltd. ในตำแหน่งวิศวกรโครงการ, วางแผนซ่อมบำรุง ทำหน้าที่วางระบบงานซ่อมบำรุง พอวางระบบเรียบร้อยแล้วก็โอนย้ายไปเป็นวิศวกรซ่อมบำรุง, เครื่องกล ทำหน้าที่ดูแลงานซ่อมเครื่องจักรต่างๆ และวิเคราะห์ปัญหาพร้อมหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยรวมทำอยู่ 3 ปีครึ่ง ก็รับทุนรัฐบาลไทยไปเรียนต่อปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์ สาขา อิเล็กทรอนิกส์เครื่องกล
หลังจากเรียนจบก็กลับมาทำงานที่ SCG อีกครั้งในสังกัด SCG Chemicals Co.,Ltd. ในตำแหน่งวิศวกรโครงการ, เครื่องกล เพื่อกำหนดสเปคเครื่องจักรและระบบต่างๆ เพื่อเตรียมการสรรหาผู้รับเหมา อยู่ประมาณ 3 ปี โดยเป็นโครงการที่จะไปสร้างนิคมโรงงานปิโตรเคมีในประเทศเวียดนาม แต่ก็มีไม่แน่นอนและการเตรียมตัวที่ค่อนข้างนาน ประกอบกับความอิ่มตัวในงานเชิงเทคนิคแล้ว จึงทำเรื่องขอย้ายมาทำงานที่สำนักงานใหญ่บางซื่อในหน่วยงานการเงิน ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ, บริหารความเสี่ยงและประกันภัย
งานนี้เป็นงานที่เปิดโลกให้กับเราอย่างมาก เพราะได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ทั้งในเรื่องของกระบวนการผลิต และด้านธุรกิจ นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้บริหารบริษัทต่างๆ ในเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ได้เห็นความสามารถที่น่าทึ่งของพวกพี่ๆ ผู้บริหาร และได้รับแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจอย่างมาก จึงอยากทำธุรกิจ
สมัยเป็นพนักงานบริษัท
ตอนที่เป็นพนักงานบริษัทเราเต็มที่กับงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย ทั้งงานสำรวจหน้างาน, ตรวจงาน, เช็คเอกสารแบบเครื่องจักร, จัดอบรมเกี่ยวกับความเสี่ยงในงาน และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เรามีวันที่เป็นเจ้าของกิจการที่พร้อมทำทุกสิ่ง
1. มีการคุยรายละเอียดความเข้าใจกับวิศวกรจากบริษัทสำรวจภัยในขณะสำรวจหน้างานในโรงงานแห่งหนึ่ง เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
2. ไปนำเสนอบริษัทเพื่อให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ที่อังกฤษและฝรั่งเศส ให้เค้าข้าใจในความปลอดภัยของโรงงานใน SCG เพื่อเบี้ยประกันภัยที่เป็นธรรม
ทำไมต้อง
ธุรกิจหยอดเหรียญ?
หลังจากที่เราตัดสินใจจะทำธุรกิจเสริมแล้ว ธุรกิจหยอดเหรียญยังไม่อยู่ในหัวเลย เราตั้งโจทย์ว่า เราต้องการงานที่ทำเสริมกับงานประจำได้ คือ ทำได้หลังจากจบงานประจำ ต้องไม่กระทบเวลาทำงานประจำด้วย เพราะว่างานประจำที่ SCG นั้นเป็นงานที่จริงจังมาก ต้องทุ่มเต็มร้อย และเราไม่ต้องการเอาเปรียบบริษัทโดยการทำงานไม่เต็มที่ ดังนั้นธุรกิจที่ทำได้นั้นต้องเป็น passive income คือ ไม่ต้องใช้เวลาในงานนี้มาก และเราสามารถใช้เวลาในช่วงใดของวันก็ได้ นั้นก็คือ ช่วงเวลาหลังเลิกงานนั่นเอง (ซึ่งปกติช่วงหลังเลิกงาน เราก็มักจะเอางานประจำกลับมาทำอยู่แล้ว จึงไม่กระทบการใช้ชีวิตมาก) เราก็เลือกอยู่หลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านกาแฟ, ร้านอาหาร หรือคาเฟ่แล้วจ้างคนมาทำ, งานชายประกัน หรือธุรกิจขายตรง แต่สิ่งนั้นมันยังไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เราไม่ค่อยอยากบริหารคนให้วุ่นวาย และ ไม่อยากให้คนรอบตัวรำคาญ (ในสมัยนั้น คนรอบตัวมีทัศนคติไม่ค่อย ok กับธุรกิจขายตรง) แต่อยากต่อยอดความสามารถในด้านเทคโนโลยีที่เราเรียนรู้มาทั้งชีวิต
เราก็เลือกอยู่นานก็ยังไม่เจอสักที เสียงในหัวเบาๆ ก็บอกว่าให้เรากลับไปอยู่ใน comfort zone ดีกว่า ไม่ต้องเหนื่อยไปมากกว่านี้ ทำงานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เกษียณแล้ว จะต้องไปเสี่ยงอะไรกับธุรกิจและความไม่แน่นอนอีกมากมาย ความอยากล้มเลิกก็ถาโถมเข้ามา และแล้วก็มีคนแนะนำว่าลองไปวางตู้น้ำหยอดเหรียญและเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญให้บริการตามอพาร์ทเม้นท์ดีไหม? ใช้เวลาไม่นานด้วย ไปเก็บเงินและซ่อมบำรุงตอนกลางคืนหรือวันเสาร์-อาทิตย์ก็ได้ ไม่ต้องมีลูกจ้างมากมายด้วย เราก็คิดใคร่ครวญถึงประสบการณ์การใช้บริการตู้น้ำหยอดเหรียญและเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญในอดีต ไม่ว่าจะตอนเป็นนักศึกษา หรือตอนทำงานที่ต่างจังหวัดที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เหล่านี้ และมองว่าคนเราต้องดื่มน้ำตลอด และต้องซักผ้าตลอด ธุรกิจนี้สามารถได้รับรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าเราจะกินหรือจะนอน เงินก็จะเข้ามาหาเราตลอด ทำให้ธุรกิจหยอดเหรียญจึงตอบโจทย์ของเราอย่างมาก
เริ่มต้นอย่างไร?
จุดเริ่มต้นของเรา คือ ปี 2556 เราเริ่มไปติดต่อขอวางตู้น้ำหยอดเหรียญและเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญหลายร้อยที่มาก ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน, อาคารชุด, อพาร์ทเม้นท์ หรือตลาดต่างๆ แต่ปัญหาก็คือ มีอุปกรณ์หยอดเหรียญพวกนี้อยู่แล้วบ้าง, เจ้าของอยากทำเองบ้าง หรือไม่มีนโยบายที่จะติดตั้งบ้าง จำได้ว่าขับรถเยอะมากจนต้องเข้าศูนย์บ่อย และเปลี่ยนรองเท้าบ่อยเพราะเดินไปหลายที่มาก หาจนเริ่มท้อกับคำปฏิเสธ จนกระทั่งที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้ให้โอกาสกับเรา เพราะว่าการจัดซื้อจัดจ้างของเค้าต้องโปร่งใส ไม่มีการกีดกัน เค้าเลยบอกว่า ทำได้นะ แต่ต้องห่างจากสถานที่ทำธุรกิจเดิม 100 เมตรเพื่อให้เป็นธรรมกับผู้มาทำธุรกิจก่อนหน้าด้วย (เราก็เห็นด้วยกับกฎเกณฑ์นี้มาก เพราะทั้งโปร่งใสและเป็นธรรม) เราเลยได้ลงตู้น้ำหยอดเหรียญไป 4 ตู้
กำไรเดือนแรก 2000 กว่าบาท จากที่ลงทุนไป 100,000 บาท และใช้เวลาประมาณ 36 ชั่วโมงกับงานนี้ ถึงมันได้ผลไม่คุ้มค่ากับต้นทุนค่าของและค่าแรงในเดือนแรก แต่เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เพราะเงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนแรกที่ได้มาโดยการทำธุรกิจส่วนตัว และแล้วสิ่งที่หวังก็เกิดขึ้น ในเดือนที่ 6 กำไรรวม 8000 บาท (และเราก็จ้างมอเตอร์ไชค์รับจ้างมาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์คนแรกให้กับเราด้วย) เราเลยมองไปได้ถึงปลายทางที่นักลงทุนทุกคนต้องการ คือ การคืนทุน (ผ่านไป 10 ปี ปัจจุบันแต่ละตู้ที่นั่นทำรายได้ได้มากกว่าตู้ละ 2 แสนแล้ว)
ไปต่ออย่างไร
ให้สำเร็จ?
จากนั้นเราก็ตระเวนบุกตามคอนโดมิเนียม, อพาร์ทเม้นท์, หมู่บ้านและที่ต่างๆ รวมถึงไปตามร้านสะดวกซื้อ คำตอบของคำถามว่าไปต่อย่างไรให้สำเร็จ? คือ ให้อดทนและทำต่อไปไม่หยุดยั้ง เราทำต่อไปอีก 3 ปี เดินเข้าๆ ออกๆ ทุกที่ที่มีความหวัง ซึ่งส่วนใหญ่โดนปฏิเสธ แต่เราก็ทำต่อไปอีกไม่หยุดยั้ง และระหว่างนั้นก็สะสมประสบการณ์และหาความรู้เพื่อจะสามารถดูแลและซ่อมตู้กดน้ำหยอดเหรียญและเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญได้ด้วยตนเอง
ทำไปไม่ย่อท้อ ผ่านไป 3 ปี เราวางตู้น้ำหยอดเหรียญ 60 ตู้ และเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ 200 เครื่องกระจายทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล แล้วฝันก็เป็นจริง คือ กำไรที่ได้แซงรายได้ 6 หลักต่อเดือนที่ได้รับอยู่จาก SCG แต่การจะสำเร็จเต็มที่ได้นั้น มันต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ focus และมีพลังต่อสู้ในโลกธุรกิจได้
ตอนนี้ฝันนั้นเป็นจริงแต่มันเป็นเรื่องยากที่จะลาออกจากหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในประเทศที่ให้เงินเดือนเราทุกเดือนอย่างมั่นคงมาตลอดการทำงาน 10 ปี นอกจากนี้แล้ว เจ้านายก็ดีกับเรามาก พยายามผลักดันให้เราได้ทุนของ SCG เพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทอีกใบทางด้านงานบริหารความเสี่ยง ยิ่งทำให้การตัดสินใจยากขึ้นไปอีกหลายเท่าเลย แต่สุดท้าย เมื่อเรามองไปที่จุดมุ่งหมายปลายทางของชีวิต คือ ความสุข เราก็ตัดสินใจลาออกได้
เส้นทางสู่ความสำเร็จ
ในการที่จะประสบความสำเร็จ แค่มีเงินลงทุนนั้นไม่พอ เราต้องทุ่มเททั้งแรงกาย, แรงใจและพลังสมองที่จะทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น เราจึงมีการไปซ่อมทั้งตู้น้ำและเครื่องซักผ้าด้วยตนเอง, มีการไปดูงานที่โรงงานผลิตน้ำ และพบกับอาจารย์ผู้ให้คำปรึกษาเรื่องธุรกิจ
1. ไปดูงานโรงกรองน้ำที่นำน้ำทิ้งจากเมืองมากรองให้เป็นน้ำประปาที่สิงคโปร์
2. ซ่อมและศึกษาการทำงานเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญด้วยตัวเอง
3. ซ่อมและศึกษาการทำงานของตู้น้ำหยอดเหรียญด้วยตนเอง
4. พบอาจารย์ผู้ให้คำปรึกษาเรื่องธุรกิจ